โรงเรียนบ้านหนองขาม

หมู่ที่ 9 บ้านหนองขาม ตำบล ป่าหวาย อำเภอ สวนผึ้ง จังหวัด ราชบุรี 70180

Mon - Fri: 9:00 - 17:30

087 079 5226

ดาวเคราะห์ ระบบดาวสุริยะที่ควรรู้กับพื้นฐานวิทยาศาสตร์เล็กๆน้อยๆ

ดาวเคราะห์ ระบบดาวสุริยะที่ควรรู้กับพื้นฐานวิทยาศาสตร์เล็กๆน้อยๆ

ดาวเคราะห์ นักดาราศาสตร์ยังมีความเชื่อว่าดาวเคราะห์นั้นมิได้มีอยู่เท่าที่เห็นในระบบสุริยะของเราเท่านั้น แต่นอกระบบสุริยะนั้นก็ยังมีดาวเคราะห์อยู่อีกมากมายทั้งที่เรารู้จักและไม่รู้จัก ทั้งนี้เป็นดาวเคราะห์ที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศนอกระบบอีกกว่า 2,000 ดวง ที่ยังไม่ได้ผ่านการสำรวจ

ในปี 1961 นักดาราศาสตร์ และนักฟิสิกส์ ได้ร่วมกันคิดค้นสมการที่มีความน่าจะเป็นไปได้ขึ้นมาเพื่อที่จะทำการพิสูจน์คำพูดของเขา ว่าในห้วงอวกาศนั้นมิได้มีดาวฤกษ์ที่มีสภาพอันเหมาะสมที่จะเป็นศูนย์ของดาวเคราะห์เพียงดวงอาทิตย์เท่านั้น แต่ยังมีดาวฤกษ์อีกเป็นจำนวนมากที่ทำหน้าที่เช่นเดียวกันอยู่อีกนับไม่ถ้วน

ซึ่งจะมีการพัฒนาไปสู่สิ่งมีชีวิตนอกโลกได้ในอนาคต เนื่องจากดาวฤกษ์เหล่านั้นก็มีบริวาลเป็นดาวเคราะห์เช่นกัน ดังนั้นจึงมีดาวเคราะห์ที่มีสภาพคล้ายโลกอยู่อีกไม่น้อย และน่าจะอยู่ในสภาพที่สามารถที่จะอยู่อาศัยได้ และในอนาคตน่าจะพัฒนาให้เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้นมาก็ได้ สมการดังกล่าวได้รับการพิสูจน์และได้รับการยอมรับ

และขัดแย้งไปพร้อมกัน จึงทำให้ไม่มีการเดินหน้าต่อ แต่มีปัจจัยที่ยังไม่เด่นชัด และไม่แน่นอนรวมอยู่ในสมการนี้ด้วย ซึ่งจะช่วยให้การคาดเดาน่าจะเกิดขึ้นได้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้ จึงยังไม่มี่ข้อสรุปแต่อย่างใด ผลกระทบทางวัฒนธรรมที่อาจเกิดขึ้นได้ แนวความคิดนี้มีมาแต่ครั้งโบราณ และยุคกลางแล้วว่า จักรวาลนั้นจะต้องประกอบไปด้วย

หลายโลก หลายระบบสุริยะ ที่อาจมีสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่มีความฉลาดกว่ามนุษย์ แต่โลกต่าง ๆ เหล่านั้นยังเหมือนเป็นการเพ้อฝันที่เล่าขานต่อ ๆ กันมายังไม่เป็นที่กระจ่างแจ้ง และมนุษย์คิดยังคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวจึงมิได้ให้ความสนใจหรือให้ความสำคัญมากนักในยุคนั้น หรืออาจเป็นเพราะว่ายังมีความรู้ไม่ถึงขั้นก็ได้ จึงเอาเท่าที่เห็น

หรือเท่าที่รู้เป็นหลักไปก่อน แต่ในความเป็นจริงวิชาที่ว่าด้วยระบบสุริยะจักรวาลยังไม่ได้จบเพียงเท่าที่รู้แค่นั้น เพราะยังมีระบบอื่นที่เหมือนกับระบบสุริยะอยู่อีกนับไม่ถ้วน ที่เห็นเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น จะเห็นได้จากความเชื่อของศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูที่เชื่อเหมือนกันว่าการเวียยว่ายตายเกิดนั้นจะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ กันอยู่เสมออย่างไม่มีวันสิ้นสุด

จึงมีการนำความเชื่อทั้งหลายเหล่านี้มาเป็นหลักในการคิดว่าโลกมนุษย์นั้นย่อมไม่มีวันที่จะสิ้นสุดตราบใดที่ยังมี ระบบสุริยะ อยู่ และระบบสุริยะนี่เองที่เป็นต้นเหตุใหเกิดความคิดที่ว่าคงไม่ได้มีแค่ที่เดียว ในห่วงอวกาศนี้ยังต้องมีระบบสุรินะอื่น ๆ อีกมาก และที่นั้นก็จะมีดาวเคราะห์อันเปรียบเหมือนโลก และน่าจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ได้เช่นเดียวกับโลกของเรา

ในมหาคัมภีร์ของชาวยิวก็ได้ไว้ถึงว่าโลกมิได้มีแค่เท่าที่เห็น แต่ยังมีโลกอื่นอีกมากมายอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1,000 หรือ 10,000 โลกแต่เรายังไม่มีรายละเอียดที่เพียงพอที่จะศึกษาได้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางใจ แต่จะอย่างไรก็ตาม นักดาราศาสตร์ก็มีการแสดงท่าทีว่ามีสิ่งมีชีวิตนอกโลกอย่างแน่นอน และต้องเป็นอยู่จริง

ดาวเคราะห์

ซึ่งจะต้องรู้ให้ได้ไม่ช้าก็เร็ว สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่มนุษย์เราเรียกว่ามนุษย์ต่างดาว บางอย่างก็อาจมีสติปัญญาที่เหนือกว่ามนุษย์โลกเป็นอย่างมากก็เป็นได้ ซึ่งอาจมาช่วยเสริมให้มนุษย์โลกได้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น เพื่อทำให้การดำรงชีวิตของมนุษย์โลกมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เนื่องจากเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นมีพัฒนาการ

ที่เจริญกว่ามนุษย์โลกมากนั่นเอง ดังนั้นจงอย่าเพิ่มตัดความสัมพันธ์ หรือคาดหวังใด ๆ จากโลกอื่นให้มากกว่าที่กำลังศึกษาอยู่ การคาดหวังว่ามนุษย์ต่างดาวจะต้องมีการใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์โลกนั้นอาจเป็นความคิดที่เกินไป เพราะอาจยังไม่ถึงขั้นที่จะคาดหวังอะไรทั้งนั้น มนุษย์ต่างดาวอาจล้าหลังกว่ามนุษย์โลกถอยหลังไปอีกกว่า

เป็นร้อยเป็นพันปีก็ได้ใครจะรู้ ยุคใหม่ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลเกิดขึ้นมีการคิดประดิษฐ์กล้องที่มีกำลังขยายสูงขึ้นมาเพื่อให้สามารถมองเห็นความเป็นไปในจักรวาลได้ชัดขึ้น ก็ทำให้ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้วงอวกาศได้มากขึ้น ทำให้เห็นอะไรได้กว้างไกลขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เห็นอยู่เฉพาะระบบสุริยะของเราเท่านั้น จึงมีผู้เสนอแนวคิด

ที่จะทำให้รู้จักกว้างขึ้นด้วยการออกไปนอกโลก มีทฤษฎีมากมายที่กว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งที่สนับสนุน และคัดค้าน แต่ที่พิจารณาแล้วต่างก็ลงความเห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ว่าถ้ามีการสำรวจกันอย่างจริงจัง ก็คงไม่พ้นที่จะต้องรู้ว่าระบบสุริยะนั้นมิได้มีเฉพาะที่เรารู้จัก หรือที่เราอาศัยอยู่เท่านั้น แต่ยังมีระบบที่เหมือนกันอยู่อีก

นับไม่ถ้วน และน่าจะเป็นระบบที่สามารถรองรับความต้องการของมนุษย์โลกได้ ซึ่งก็คือดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ ที่ไม่แน่ว่าในอนาคตมนุษย์โลกอาจได้ไปเยี่ยมเยียน หรือได้ไปสัมผัสก็ได้ เรื่องดังกล่าวเป็นที่โต้แย้งกันมานานและยังไม่มีการสรุป เมื่อครั้งศตวรรษที่ 16 ก็ได้มีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ในจักรวาลหรือในเอกภพอันกว้างไกล

และไม่มีที่สิ้นสุดนี้ ดาวฤกษ์ทุกดวงที่ปรากฏจะต้องมีดาวเคราะห์ล้อมรอบ หรือมีดาวเคราะห์เป็นบริวาล และในจำนวนดาวเคราะห์เหล่านั้นก็จะต้องมีดวงจันทร์เป็นบริวาลอีกต่อหนึ่ง แต่จะมีเป็นจำนวนมากน้อยต่างกัน ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าในห้วงจักรวาลอันกว้างไกลที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้จะต้องมีอยู่อีกเป็นอันมาก เป็นจำนวนที่มิอาจนับได้

ซึ่งในจำนวนมากมายนั้นไม่แน่คงต้องมีสักระบบหนึ่งที่น่าจะเหมือนโลก และน่าจะมีสิ่งมีชีวิต หรือมีสภาพที่เหมาะสมจะเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ได้ ส่วนต่อมาในศตวรรษที่ 17 หรือผ่านมาอีกไม่ต่ำกว่า 100 ปี มีนักดาราศาสตร์อีกคนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าบนดาวพฤหัส ฯ มีมนุษย์อาศัยอยู่ พวกเขาน่าจะต้องมีขนาด

และน้ำหนักของร่างกายที่ใหญ่กว่ามนุษย์โลกมาก เนื่องจากสัดส่วนของพื้นผิวหรือมวลสารของดาวพฤหัส ฯ นั้นมีมากกว่าและใหญ่กว่าโลกเราหลายเท่า ถ้าข้อสัณนิฐานนี้ของเราเป็นเรื่องจริง ก็น่าจะเกี่ยวกับเรื่องยักษ์ที่เราเคยมีจิตนาการมาก่อนก็ได้ ซึ่งมันไปตรงกันได้อย่างไรไม่ทราบ เพราะเรื่องยักษ์นั้นเราก็มีมโนภาพมาก่อนเช่นกัน 

สรุปว่าเรื่องดางเคราะห์นอกระบบนั้นน่าจะเป็นจริง และก็มาตรงกับความคิดของนักดาราศาสตร์หลายท่าน ที่ตกพลึกเดียวกันว่าน่าจะใช้เป็นที่อยู่ของมนุษย์ได้ในอนาคตถ้าโลกของเราต้องมีอันเป็นไป….